ข้อควรระวังในการบริโภคคาเฟอีน

ข้อควรระวังในการบริโภคคาเฟอีน

คาเฟอีน (Caffeine) เป็นสารที่ร่างกายดูดซึมจากทางเดินอาหารเข้าสู่กระแสเลือด และมีผลต่อระบบหัวใจและการไหลเวียนของโลหิต พบได้ในเครื่องดื่มหลายชนิด เช่น กาแฟ ชา เครื่องดื่มชูกำลัง และน้ำอัดลม คาเฟอีนช่วยเพิ่มความตื่นตัวและสมาธิ แต่การบริโภคในปริมาณที่มากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพ ดังนั้น ควรทราบข้อควรระวังต่อไปนี้:

1. การบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม

   • สำหรับผู้ใหญ่ การบริโภคคาเฟอีนไม่ควรเกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณกาแฟ 4 แก้ว

   • การบริโภคเกินขนาดอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หัวใจเต้นเร็ว หงุดหงิด นอนไม่หลับ และคลื่นไส้

   • สำหรับเด็กและวัยรุ่น ไม่ควรบริโภคคาเฟอีนเกิน 100 มิลลิกรัมต่อวัน หรือประมาณ 1 แก้วกาแฟ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโต การพัฒนา และการนอนหลับ

   ตัวอย่างเช่น เมนูกาแฟในร้าน Starbucks เอสเปรสโซ 1 ช็อต มีคาเฟอีน 75 มิลลิกรัม และลาเต้มีคาเฟอีน 150 มิลลิกรัม ดังนั้นควรเลือกดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อสุขภาพ

2. ความเครียดและความวิตกกังวล

   • การบริโภคคาเฟอีนในปริมาณมากเกินไปอาจทำให้เกิดความเครียดและความวิตกกังวล

3. ปัญหาการนอนหลับ

   • ควรหลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนก่อนนอน เนื่องจากคาเฟอีนอาจรบกวนการนอนหลับ ควรหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนในช่วงเย็นหรือก่อนนอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง

4. ตรวจสอบส่วนประกอบของเครื่องดื่ม

   • ควรอ่านฉลากและตรวจสอบปริมาณคาเฟอีนในเครื่องดื่มเสมอ เครื่องดื่มบางชนิด เช่น ชาเขียว ชาดำ หรือเครื่องดื่มชูกำลังก็อาจมีคาเฟอีนมากกว่าที่คาดคิด

5. หลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนร่วมกับแอลกอฮอล์

   • การบริโภคคาเฟอีนร่วมกับแอลกอฮอล์สามารถทำให้รู้สึกตื่นตัว และอาจไม่รู้สึกถึงผลกระทบของแอลกอฮอล์ ซึ่งอาจนำไปสู่การดื่มเกินขนาดและเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

6. ระมัดระวังสำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ

   • ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพ เช่น โรคหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง หรือโรคกระเพาะอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภคเครื่องดื่มที่ผสมคาเฟอีน เพราะคาเฟอีนอาจทำให้อาการแย่ลง

7. หลีกเลี่ยงการบริโภคคาเฟอีนระหว่างตั้งครรภ์

   • ผู้หญิงตั้งครรภ์ควรจำกัดการบริโภคคาเฟอีนไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน เนื่องจากการบริโภคคาเฟอีนเกินขนาดอาจเสี่ยงต่อการแท้งหรือเกิดปัญหาสุขภาพในทารก

การบริโภคคาเฟอีนควรอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาวะร่างกายของแต่ละบุคคล เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและลดความเสี่ยงจากผลกระทบที่ไม่พึงประสงค์

ที่มา: สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา