หลายคนสงสัยว่า “เราก็กินไม่เยอะ แต่ทำไมน้ำหนักไม่ลด หรือกลับอ้วนขึ้น?” คำตอบคือ ความอ้วนไม่ได้เกิดจาก “ปริมาณอาหาร” เพียงอย่างเดียว แต่เกี่ยวข้องกับ “คุณภาพอาหาร” พฤติกรรมการกิน และระบบเผาผลาญในร่างกายด้วยเช่นกัน
สาเหตุที่กินน้อยแต่ยังอ้วน
• เลือกอาหารพลังงานแฝงสูง อาหารจานเล็กที่ดูเหมือนไม่เยอะ เช่น ชานมไข่มุก ขนมอบทอด น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ล้วนมีพลังงานสูง ไขมันและน้ำตาลมาก จึงทำให้ร่างกายสะสมไขมันได้แม้กินไม่เยอะ
• ระบบเผาผลาญต่ำคนที่นั่งทำงานทั้งวัน ไม่ค่อยขยับตัว หรืออดอาหารบ่อย ร่างกายจะปรับตัวเข้าสู่โหมดประหยัดพลังงาน ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง พอกินอะไรเข้าไปก็กลายเป็นไขมันสะสมได้ง่าย
• อดมื้อ กินมื้อ หลายคนงดข้าวเช้า งดเย็น แล้วมากินหนักตอนกลางวันหรือช่วงค่ำ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเหวี่ยง และร่างกายเก็บสะสมไขมันมากขึ้น
• นอนดึก พักผ่อนไม่พอการนอนไม่เพียงพอจะกระตุ้นฮอร์โมนหิว (Ghrelin) ให้หลั่งมากขึ้น และลดฮอร์โมนอิ่ม (Leptin) ทำให้กินเยอะโดยไม่รู้ตัว และน้ำหนักขึ้นง่ายแม้จะกินเท่าเดิม
• กินเร็ว ไม่เคี้ยวให้ละเอียด เมื่อกินเร็ว สมองยังไม่ทันรับสัญญาณว่า "อิ่ม" ก็จะกินเกินความต้องการ และการไม่เคี้ยวให้ละเอียดทำให้ระบบย่อยทำงานหนัก และดูดซึมพลังงานได้มากขึ้น
วิธีปรับพฤติกรรมให้ “กินน้อยแล้วผอมจริง”
• เน้นกินอาหารครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะโปรตีนและไฟเบอร์
• หลีกเลี่ยงน้ำหวานและของทอด แม้จะกิน “น้อย”
• เคี้ยวอาหารให้ละเอียด และใช้เวลาในการกินมากขึ้น
• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อกระตุ้นระบบเผาผลาญ
• นอนให้พอ 7–8 ชั่วโมงต่อวัน
• ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ ลดน้ำตาลแฝงในเครื่องดื่ม
“กินน้อยแต่ยังอ้วน” ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด แต่แปลว่า ร่างกายคุณอาจต้องการการดูแลที่มากกว่าแค่ลดปริมาณอาหาร การเลือกกินให้ถูกหลัก พักผ่อนให้เพียงพอ และขยับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างยั่งยืนมากกว่า
อ้างอิง